Disable Preloader

ข่าวสาร



อะไร In อะไร Out และอะไรที่ควรรู้ในโลกดิจิทัลสำหรับปี 2019

หัวข้อข่าวในช่วงต้นปี คงหนีไม่พ้นการสรุปเทรนด์ และเทรนด์ที่คุณไม่ควรจะพลาดเป็นอย่างยิ่งในปัจจุบันนี้คือ เทรนด์ ดิจิทัล และ ธนพงศ์พรรณ ธัญญรัตตกุล  เจ้าของหนังสือ Digital Transformation in Action เปลี่ยนธุรกิจในยุคดิจิทัล ขอมาวิเคราะห์ 10 เทรนด์ดิจิทัลที่ต้องรู้ ปี 2019 สำหรับผู้บริหาร นักการตลาด และเจ้าของกิจการ

Trend #1 “Disruption is the new normal”

Disruption ไม่ได้แปลว่าการสร้างความปั่นป่วนเท่านั้น แต่คือความเปลี่ยนแปลงที่ธุรกิจในทุกอุตสาหกรรมจะถูก Disrupt อย่างที่เคยเกิดขึ้นกับวงการการเงินธนาคาร มีเดีย และรีเทล มาแล้ว

ดิจิทัลเข้ามา Disrupt อุตสาหกรรมการเงินธนาคาร มีเดีย และรีเทล เพียงไม่กี่ปีที่ผ่านมาธุรกิจยักษ์ใหญ่ยังต้องปรับตัวอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน จากการมาถึงของคำว่า FinTech (Financial Technology), MarTech (Marketing Technology), RetailTech (Retail Technology)

และคู่แข่งของธุรกิจ ไม่ใช่แค่คู่แข่งทางตรงเท่านั้น ยกตัวอย่างเช่น ธุรกิจธนาคาร Startup, Tech Giant หรือแม้แต่คู่แข่งจากอุตสาหกรรมอื่น ก็สามารถเป็นคู่แข่งกับธนาคารได้เช่นกัน ซึ่งทั้ง 3 ผู้เล่นนี้ ถือเป็นผู้เล่นหน้าใหม่ (Disruptive Challenger) ที่มาแข่งกับ ผู้ที่อยู่ในธุรกิจมาก่อน (Incumbent) ในฐานะที่เป็น Surviving Disruption

Trend #2 “เตรียมความพร้อมในยุคปฏิวัตอุตสาหกรรมที่ 4”

ในยุคปฏิวัติอุตสาหกรรมที่ 4 หรือ Industry 4.0 คือการที่ดิจิทัลเทคโนโลยีผสมผสานและต่อยอดหลายๆอย่างจากยุคปฏิวัติอุตสาหกรรมที่ 3 อาทิเช่น 3D Priniting, เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์และหุ่นยนต์ (AI & Robotics, Blockchain), Drone, IoT (Internet of Things), Precision Medicine, Sensors, VR & AR (Virtual Reality & Augmented Realtity) และความมุ่งหวังของการนำดิจิทัลเทคโนโลยีในธุรกิจส่วนใหญ่ก็คือ เพื่อลดต้นทุนค่าใช้จ่ายและเพิ่มประสิทธิภาพให้กับธุรกิจนั่นเอง ดังนั้น การมาถึงของยุคปฏิวัติอุตสาหรรมที่ 4 สิ่งสำคัญคือองค์กรจำเป็นต้องเตรียมความพร้อมด้านบุคลากรและสร้างความสามารถในการแข่งขันใหม่ๆ เพื่อรับมือกับความท้าทายจากการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4

Trend #3 “สู่ยุค 5G และ IoT”

5G มีอะไรดี? คำตอบคือ 5G มีประสิทธิภาพสูงสุดถึง 20 กิกะบิตต่อวินาที หรือมีประสิทธิภาพสูงซึ่งเร็วกว่า 4G ถึง 20 เท่า ไม่ใช่ แค่ HD แต่เป็น 4K ที่สามารถดูวิดีโอสตรีมมิ่งได้ และยังสามารถโหลดข้อมูลต่างๆ เช่น จาก 5 นาที ก็เหลือเพียง 5 วินาที

5G ยังรองรับการเชื่อมต่อจากทุกสรรพสิ่ง (Internet of Things - IoT) หรือรองรับการเชื่อต่ออุปกรณ์ต่างๆ จากอินเทอร์เน็ตป็นจำนวนมาก โดยใช้พลังงานในการเชื่อมต่อน้อยลงถึง 90% และอุปกรณ์ IoT จะใช้พลังงานต่ำกว่าเดิมมาก (ยืดอายุของแบตเตอรี่ที่ใช้อยู่ได้ถึง 10 ปี) ดังนั้นอุปกรณ์ต่างๆ ในชีวิตประจำวัน และในภาคธุรกิจก็จะสามารถเชื่อมต่อได้อินเทอร์เน็ตได้โดยไม่ต้องผ่าน WiFi

Trend #4 “ Mobile App ยังโต แต่แค่แอปไม่พอ ”

ปี 2019 ตลาด Mobile App ยังคงเติบโตสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากข้อมูลของบริษัทวิจัยต่างๆ พบว่า จำนวนผู้ใช้และรายได้จาก Mobile App ยังโตอย่างมากและต่อเนื่อง ผู้คนยังมีพฤติกรรมการใช้ชีวิตผ่านสมาร์ตโฟน และ Mobile Device กันทั้งสำหรับชีวิตประจำวันและการทำงาน  นับวันจะยิ่งมากขึ้นๆ ความต้องการในการใช้งานต่างๆผ่าน Mobile App ก็ยิ่งมากขึ้น และการมุ่งสร้าง Mobile App เพียงอย่างเดียวอาจจะไม่เพียงพอต่อการสร้างความพึงพอใจให้กับผู้บริโภคได้อย่างเต็มที่

Trend ของการพัฒนา Mobile App ในปี 2019 จะถูก Focus ไปในทิศทาง เช่น การพัฒนา features ต่างๆใน Mobile App ผู้พัฒนาจำเป็นที่จะต้องแนใจว่าทุกอย่างทำงานอย่างราบรื่นไร้ที่ติ เพื่อให้ประสบการณ์ของผู้ใช้ยอดเยี่ยมที่สุด การมี Machine Learning และ AIไม่ว่าจะเป็น Data ในรูปแบบข้อความ ภาพ เสียง ฯลฯ การพูดคุยกับ Siri และ Alexa ซึ่งเป็นผู้ช่วยเสมือนจริง (Virtual Assistant)

 การให้บริการ Chatbot ที่จะเชื่อมต่อกับการใช้งานกับ Mobile App ไม่ว่าจะผ่านทาง M ใน Facebook Messenger, LINE Bot, Google Assistant, Siri ของ Apple

ทั้งนี้ยังรวมถึงการมีอุปกรณ์ที่สามารถสวมใส่ได้ (Wearable Device) Mobile App จำเป็นที่จะต้องถูกพัฒนาให้รองรับกับอุปกรณ์ดังกล่าวให้ตรงใจผู้ใช้งานที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Smart Watch รองเท้า เสื้อผ้า หรือแม้แต่ Smart Glassesและการมี   VR (Virtual Reality) และ AR (Augmented Reality) โดยในการใช้งานของผู้บริโภค เช่นเกม Pokemon GO ที่ได้รับความนิยมอย่างมา จะมีอิทธิพลในการสร้างสรรค์พัฒนา Mobile App เพื่อให้ประสบการณ์การใช้งานของผู้บริโภคดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

Trend #5 “Crypto ไม่ตาย ส่วน Blockchain โกแมส”

ในช่วงปีสองปีที่ผ่านมา การระดมทุน ICO เป็นอย่างมาก ผลักดันให้ตลาด Crypto เติบโตสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม อุปสรรคเกี่ยวกับกฎหมาย เพื่อป้องกันการต้มตุ๋นหลอกลวงเกิดขึ้นจึงทำให้การระดมทุนด้วยวิธีนี้ทำได้ยากขึ้นมาก และมีค่าใช้จ่ายสูงมากขึ้นอีกด้วย

ด้วยเหตุนี้ การระดมทุนในรูปแบบใหม่ที่เรียกว่า Security Token Offereings (STO) ซึ่งคล้ายกับการระดมทุนแบบ IPO ที่ต้องมีการตรวจสอบด้านกฎหมาย และผู้ที่ระดมทุนจะได้หลักทรัพย์ที่มีสิทธิ์ได้ส่วนแบ่งผลประกอบการของธุรกิจด้วยซึ่งการระดมทุนกบบ STO นี้ คาดว่าจะทำให้ตลาด Crypto กลับมาได้รับความสนใจและเป็นที่นิยมอีกครั้ง

ส่วน Blockchain หลายองค์กรเริ่มนำ Blockchain มาใช้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนจากการดำเนินงาน ไม่ว่าจะเป็นธุรกรรมทางการเงิน การชำระเงิน การโอนเงินระหว่างประเทศ การทำสัญญาซื้อขายแลกเปลี่ยน การขนส่ง การแพทย์ ฯลฯละเชื่อว่าได้รับความนิยมและใช้การอย่างแพร่หลาย หรือ “โกแมส” นั่นเอง



Trend #6 “ขับเคลื่อนองค์กรด้วย Data และ Automation”

ช่วงปีที่ผ่านมา หลายองค์กรได้นำ Data เพื่อทำโปรเจคเกี่ยวกับ Big Data และ Data Analytics มาใช้ในองค์กรบ้างแล้ว แต่ที่ยังไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร มาจากการที่องค์กรยังไม่สามารถสร้างทัศนคติและปรับเปลี่ยนวัฒนธรรมองค์กร เพื่อให้มีกลยุทธ์ในด้านการใช้ข้อมูลที่ชัดเจน หรือเป็นองค์กรที่เรียกว่า Data Driven Organization

จากนี้องค์กรยังต้องมีหน้าที่สนับสนุนให้เกิดวัฒนธรรม กระบวนการ สภาพแวดล้อม ลดข้อจำกัดในการเข้าถึงข้อมูลของพนักงานทุกระดับ รวมถึงมีข้อกำหนดในการดูแลรักษาข้อมูลที่ชัดเจน โดยแต่ละหนวยงานสามารถเข้าถึงข้อมูลได้อย่างเหมาะสม ที่สำคัญคือ ต้องมีการกำหนดรูปแบบการตัดสินใจด้วยข้อมูลอย่างเป็นระบบ พร้อมทั้งมีการกำหนดมีตัวชี้วัดในการใช้ข้อมูลทั้งข้อมูลจากภายในและภายนอกองค์กร

 Trend #7 “สร้าง Platform สำหรับ Digital Transformation”

หลายองค์กรได้มีการกำรหนดกลยุทธ์ด้านดิจิทัลและการทำ Digital Transformation ซึ่งหลังจากที่ได้ริเริ่มดิจิทัลโครงการต่างๆ แล้วล้วนแต่หันมาพัฒนาและกำหนดกลยุทธ์เพื่อสร้าง Platform สำหรับ Digital Transformation เพื่อสนับสนุนและเป็นเครื่องมือหลักในการสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันในยุคดิจิทัล

ไม่ว่าจะเป็น Platform สำหรับ Big Data, Marketing Automation, Blockchain โดยมีการเปิดระบบ (Open API) เพื่อเชื่อมต่อข้อมูลและบริการจากภายนอก (3rd parties) ไปสู่ธุรกิจ/บริการ อื่นทั้งใน value chain และข้ามอุตสาหรรมในรูปแบบ Ecosystem ทั้งนี้เพื่อสนับสนุนการสร้างธุรกิจดิจิทัล ทั้งในส่วนของ Digital Startegy & Transformation, Digital Operations สอดคล้องกับการปฏิบัติงานทั้งองค์กร และ Digital Customer Experience ในการสร้างประสบการณ์ที่ดีกับลูกค้า

Trend #8 “เรียนรู้จากการผิดพลาดในอดีต”

บางองค์กรในวันนี้อาจถูกลืมเลือน หรือหายออกไปจากตลาดเรียบร้อยแล้ว ฉะนั้นการเป็นยักษ์ใหญ่ในธุรกิจคงจะไม่สามารถการันตี ความอยู่รอดขององค์กรในยุคดิจิทัลได้อีกต่อไป

ที่จริงแล้วการมุ่งทดลองทำสิ่งใหม่ๆตลอดเวลาเป็นหัวใจที่สำคัญมากๆของการทำ Digital Transformation ให้ประสบความสำเร็จ เพียงแต่ว่าหลายองค์กรมักจะลองทำอย่างสะเปะสะเปะ ไร้ทิศทาง จนไม่สามารถ Focus ในจุดยืนที่เป็นจุดเด่นที่จะช่วยกันเสริมสร้างความ แข็งแกร่งขององค์กรตนเองได้ ดังนั้นไม่ว่าไอเดียจะบรรเจิดแค่ไหน แต่หากขาดการวางแผนที่ดี ที่มีความสอดคล้องกับองค์กรหลัก สิ่งต่างๆเหล่านั้นก็ไม่ต่างอะไรกับความเฟ้อฝัน และแถมยังเป็น ความเฟ้อฝันที่สิ้นเปลืองและสูญเสียโอกาสมากอีกด้วย

Trend #9 “Agile Everything”

Agile หมายถึง ความพลิ้ว ทั้งทางด้านความคิด ความสามารถ ทักษะ ทัศนคติ รวมไปถึงการปฎิบัติงานต่างๆ ซึ่งคุณสมบัตินี้เป็นสิ่งที่สำคัญและจำเป็นอย่างมากในการอยู่ในโลกดิจิทัลอย่างมีความสุข

การทำตัวให้พลิ้ว ไม่ใช่เรื่องยาก แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเช่นเดียวกัน สิ่งสำคัญที่จะทำให้เกิด Agility นั้นก็คือ Agility Competence หมายถึง ทักษะ ความรู้ ความสามารถที่จำเป็นต่อการเผชิญ ฝ่าฟันกับความไม่แน่นอนที่อาจเกิดขึ้น รวมไปถึงความสามารถในการโอกาสใหม่ๆที่อาจเกิดขึ้น  ได้แก่ Agility Capacity หมายถึง ระดับความอึดในการอดทนต่อความไม่แน่นอน ความผันผวนรอบตัวเรา  Agility Confidence หมายถึง ความเชื่อมั่นในตนเองและผู้อื่นว่าจะสามารถทำทุกสิ่งอย่างให้เป็นไปได้ภายใต้สภาวะที่ไม่แน่นอนนี้

ความสำคัญของ Agile ต่อการทำ Digital Transformation คือ Agile Organization เป็นต้นแบบความสำเร็จขององค์กรดิจิทัล ผู้นำต้องเป็น Agile Leader การสร้าง Agile Team เพื่อให้ทันต่อความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น  และ Agile เป็นส่วนหนึ่งของการทำงาน ตั้งแต่กระบวนการคัดเลือกรับสมัคร การพัฒนาและรักษาบุคลากร กระบวนการทำงาน วัฒนธรรมและค่านิยมขององค์กร

Trend #10 Digital Transformation เป็น The Must ของทุกธุรกิจ

ระหว่างที่องค์กรของคุณกำลังจะเปลี่ยนแปลงไปตามสถานการณ์ใหม่ ขณะเดียวกัน คุณเองจะต้องเลือกว่า “จะเป็นผู้ถูก Disrupt” หรือ “จะ Transform เพื่อสร้างโอกาสครั้งใหม่”

เพียงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ธุรกิจแบบดั้งเดิมล้วนประสบกับแรงสั่นสะเทือนของ Digital Disruption เรามักจะเห็น Startup, Tech Giant และธุรกิจต่างอุตสาหกรรม มา Disrupt ธุรกิจแบบดั้งเดิมด้วยดิจิทัล จนสามารถเปลี่ยนเกมการแข่งขันและเข้ามาเป็นผู้นำทางธุรกิจได้ โดยใช้ดิจิทัลเป็นกลยุทธ์หลักของธุรกิจและการตลาด สร้างความได้เปรียบจนสามารถแข่งขันกับเจ้าของสินค้าหรือแบรนด์ที่เป็นของบริษัทขนาดใหญ๋ได้

หากคุณเป็นคนหนึ่งที่อยากปรับธุรกิจให้ทันยุคดิจิทัล เข้าใจ Digital Transformation แบบถึงแก่น  เพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน และคิดกลยุทธ์ให้ประสบความสำเร็จ ต้องการเรียนรู้ว่า ทำไมธุรกิจต้อง Transform จะต้อง Transform อย่างไร และ Transform อย่างไรจึงจะสำเร็จ



ที่มา ข้อมูลและรูป http://www.judprakai.com
 

Tags: ผ่อดีดี,PODD,พีโอดีดี,ศูนย์ผ่อดีดีกลาง